iPhone 8 สรุป สเปก ราคา กับ 10 ข้อมูลความเป็นไปได้โค้งสุดท้าย ก่อนเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone X วันที่ 12 กันยายนนี้
iPhone 8 สรุป สเปก ราคา กับ 10 ข้อมูลความเป็นไปได้โค้งสุดท้าย ก่อนเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone X วันที่ 12 กันยายนนี้
หมวดหมู่: ข่าวสาร ที่น่าสนใจ
เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว กับการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ประจำปี 2017 ซึ่งในปีนี้ คาดกันว่า จะมีการเปิดตัว iPhone กันถึง 3 รุ่นด้วยกัน เบื้องต้นนั้น คาดว่าจะใช้ชื่อ iPhone 7S, iPhone 7S Plus และรุ่นพิเศษกับ iPhone 8 ซึ่งเป็นรุ่นฉลองครบรอบ 10 ปีการเปิดตัว iPhone นั่นเอง แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีอีกกระแสข่าวเผยว่า iPhone ที่จะเปิดตัวในปีนี้ จะไม่ได้ใช้ชื่อ iPhone 7S กับ iPhone 7S Plus แต่เป็น iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus ส่วนรุ่นพิเศษนั้น จะมีชื่อว่า iPhone X ซึ่งตัวอักษร X นั้น ตามภาษาโรมันหมายถึงเลข 10 ตรงกับการฉลองครบรอบ 10 ปี iPhone แบบพอดิบพอดี
โดยที่ผ่านมา ข่าวลือเกี่ยวกับ iPhone 8 (iPhone X) มีข่าวคราวอัปเดตกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้ ทีมงาน techmoblog จะมาสรุปข้อมูลและความเป็นไปได้แบบอุ่นเครื่อง ก่อนเปิดตัว iPhone 8 ในวันที่ 12 กันยายนนี้ มาดูกันดีกว่า iPhone 8 จะมีดีไซน์และสเปกเป็นอย่างไร แตกต่างจาก iPhone รุ่นที่ผ่านมาแค่ไหน
สเปก iPhone 8 (iPhone X) อย่างไม่เป็นทางการ
-
หน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว แบบ OLED ความละเอียด 2800 x 1242 พิกเซล
-
ชิปเซ็ต Apple A11 แบบ Quad-Core Processor
-
หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB
-
หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 64 GB หรือ 256 GB
-
กล้องด้านหน้า ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง F/1.8 และรองรับเทคโนโลยี AR
-
กล้องคู่ด้านหลัง ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง F/1.8, ระบบโฟกัสภาพแบบ Phase Detection Autofocus, ไฟแฟลชแบบ Quad-LED และรองรับเทคโนโลยี AR
-
รองรับระบบการชาร์จแบบไร้สาย
-
เซ็นเซอร์จดจำใบหน้า และสแกนใบหน้า
-
พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ Lightning
1. iPhone 8 (iPhone X) พลิกโฉมการออกแบบครั้งใหญ่ ด้วยบอดี้แบบกระจก เพิ่มความแข็งแกร่งของกรอบตัวเครื่องด้วยสแตนเลส และหน้าจอแบบ OLED
สิ่งที่คาดว่า จะมีความเปลี่ยนแปลงมากที่สุดบน iPhone 8 นั่นก็คือ ดีไซน์ ที่ถือว่า พลิกโฉมการออกแบบ iPhone ทุกรุ่นที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ ด้วยดีไซน์แบบจอชิดขอบ ตัดปุ่ม Home ออก ทำให้มีพื้นที่ในการใช้งานที่มากขึ้น ส่วนกรอบด้านหลัง จะเป็นสไตล์ Glass-Sandwich คล้ายกับ iPhone 4S ที่เคยเปิดตัวเมื่อหลายปีก่อน ที่มีด้านหลังเป็นกระจกเพื่อให้สามารถชาร์จแบตเตอรีไร้สายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนบอดี้เฟรมจะเปลี่ยนไปใช้สแตนเลสแทน
นอกจากนี้ Steve Trougton-Smith นักพัฒนารายหนึ่งได้ค้นพบข้อมูลลับดีไซน์ของ iPhone 8 จากเฟิร์มแวร์ของ HomePod ซึ่งด้านบนมีการเว้นพื้นที่ตรงกลางไว้เพื่อติดตั้งโมดูล และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ส่วนที่ด้านล่างก็ไม่มีปุ่ม Home ที่ฝัง Touch ID แบบ Physical อีกต่อไปแล้ว ซึ่งนักพัฒนารายดังกล่าวยังค้นพบอีกว่า Apple ได้อัปเกรดความละเอียดจอ iPhone 8 สูงถึง 2436 x 1125 พิกเซล มากกว่า iPhone 7 Plus ที่มีความละเอียดจอเพียง 1080 x 1920 พิกเซลเท่านั้น
สำหรับดีไซน์แบบนี้ นอกจากจะช่วยทำให้ตัวเครื่องมีพื้นที่ในการแสดงผลเพิ่มขึ้นแล้ว ส่งผลทำให้หน้าจอมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดตัวเครื่องอีกด้วย ซึ่งเบื้องต้นนั้น คาดว่า iPhone 8 ตัวเครื่องจะมีขนาดใหญ่กว่า iPhone 7 เล็กน้อย แต่เล็กกว่า iPhone 7 Plus แม้ว่า iPhone 8 หน้าจอจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าก็ตาม
นอกจากนี้ iPhone 8 จะปรับเปลี่ยนมาใช้งานจอ OLED แบบไร้ขอบ ขนาด 5.8 นิ้ว แทนที่จอ IPS LCD ที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน ซึ่งประโยชน์ของจอ OLED คือ จะช่วยให้ประหยัดไฟมากขึ้น และแสดงสีสันได้สดใสยิ่งกว่าเดิมนั่นเอง โดยมุมทั้ง 4 มุมตรงขอบหน้าจอจะเป็นแบบโค้งมน ส่วนด้านบนสุดจะเหลือไว้สำหรับตำแหน่งของลำโพงสนทนา, กล้องด้านหน้า และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ทำให้ไอคอนต่าง ๆ บน Status Bar ถูกแยกออกเป็น 2 ฝั่ง โดยฝั่งซ้ายจะแสดงเครือข่ายโทรศัพท์, การเชื่อมต่อ Wi-Fi ส่วนฝั่งขวา จะแสดงสถานะของแบตเตอรี่, เวลา และอื่น ๆ
2. iPhone 8 ตัดปุ่ม Home แบบ Physical ออก แทนด้วยด้วยปุ่ม Home แบบสัมผัส แต่ไม่มี Touch ID
ปุ่ม Home ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของ iPhone ทุกรุ่นที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ แต่สำหรับ iPhone 8 นั้น จะเป็น iPhone รุ่นแรกที่ไม่มีปุ่ม Home อีกต่อไป ซึ่งการตัดปุ่ม Home ออกนั้น ทำให้ฟีเจอร์ Touch ID หรือการสแกนลายนิ้วมือ ถูกตัดออกไปด้วยเช่นกัน จนทำให้เกิดกระแสข่าวที่ว่า iPhone 8 อาจจะฝัง Touch ID ไว้ใต้หน้าจอ ซึ่งถือว่า เป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่พอสมควร ในขณะที่อีกกระแส เผยว่า iPhone 8 อาจจะไม่มี Touch ID อีกแล้ว เนื่องจากปัญหาด้านการผลิต จึงแทนที่ด้วยระบบสแกนใบหน้าและจดจำใบหน้าแทน ซึ่งจะใช้ประโยชน์ของกล้องด้านหน้า และเทคโนโลยี AR ควบคู่กัน
อย่างไรก็ดี ก็มีกระแสข่าวว่า iPhone 8 อาจจะฝัง Touch ID ไว้ที่ปุ่ม Power หลังจากมีภาพเรนเดอร์จากไฟล์ CAD หลุดออกมา คล้ายกับสมาร์ทโฟนจากแบรนด์ Sony อีกทั้งก่อนหน้านั้น Apple เคยได้รับสิทธิบัตรฉบับใหม่ว่าด้วยเรื่องของการฝัง Touch ID ที่ปุ่ม Power มาแล้ว อีกด้วย
3. กล้องคู่ด้านหลังแบบแนวตั้ง พร้อมรองรับเทคโนโลยี AR
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Benjamin Geskin แหล่งข่าวอีกหนึ่งรายที่ได้รับข้อมูลมาจากแหล่งข่าววงในรายหนึ่ง ได้เปิดเผยว่า iPhone 8 จะมีการปรับเปลี่ยนระบบกล้องหลังคู่เป็นแบบใหม่ จากเดิมที่เคยวางเรียงในแนวนอนบน iPhone 7 Plus ก็หันมาติดตั้งในแนวตั้งแทน โดยสาเหตุที่ทำให้ Apple ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้งานกล้องคู่แนวตั้งบน iPhone 8 เนื่องจาก เทคโนโลยีผสานโลกเสมือนจริงเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริง หรือ AR กำลังจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นบน iOS 11 และยังช่วยให้ iPhone 8 สามารถถ่ายภาพแบบ 3 มิติได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากผู้ใช้ถือสมาร์ทโฟนเอาไว้ในแนวนอน
ส่วนคุณสมบัติของกล้องด้านหลังบน iPhone 8 ในตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเผยออกมา
4. ระบบยืนยันตัวตนแบบใหม่ ใช้ระบบสแกนใบหน้าแบบ 3D แทนสแกนลายนิ้วมือ
Bloomberge สื่อต่างประเทศรายใหญ่ เปิดเผยรายงานฉบับใหม่ซึ่งได้อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าววงในรายหนึ่ง โดยระบุว่า ในขณะนี้ Apple ได้เริ่มทดสอบระบบป้องกันความปลอดภัยของผู้ใช้งานรูปแบบใหม่ เพื่อนำมาทดแทนระบบสแกนลายนิ้วมือที่ใช้ในปัจจุบันเป็นที่เรียบร้อย ด้วยวิธีสแกนใบหน้าผู้ใช้งานโดยใช้เทคโนโลยี 3D Sensor ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งเอาไว้ที่บริเวณกล้องหน้า ทำให้ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตนเพื่อปลดล็อคตัวเครื่อง, ทำธุรกรรมทางการเงิน และเปิดใช้งานแอปพลิเคชันที่ถูกเข้ารหัสไว้ นอกจากนี้ แหล่งข่าวด้านต้นยังได้เปิดเผยว่า Apple ยังได้ทดสอบระบบยืนยันตัวตนแบบสแกนม่านตาเอาไว้ด้วย
5. iPhone 8 รองรับการชาร์จแบบไร้สาย
ลือกันทุกปี กับระบบการชาร์จแบบไร้สายบน iPhone แต่ก็ยังไม่มี iPhone รุ่นใดที่รองรับฟีเจอร์ดังกล่าวเสียที แต่สำหรับ iPhone 8 อาจจะเป็นรุ่นแรกที่ได้ใช้ฟีเจอร์ดังกล่าว ซึ่งจากการเปิดเผยของ Macoatakana สื่อประเทศญี่ปุ่นที่ระบุว่า ทาง Apple เตรียมติดตั้งเทคโนโลยีชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi Wireless Charging 1.2 เอาไว้บน iPhone 8 ด้วย แต่ที่น่าสนใจคือระบบชาร์จไร้สาย iPhone 8 จะรองรับกระแสไฟสูงสุดที่ความเร็วปกติเพียง 7.5 วัตต์ (5V/1.5A) เท่านั้น แม้ว่ามาตรฐาน Qi Wireless Charging 1.2 จะรองรับกระแสไฟได้สูงสุดถึง 15 วัตต์ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่เข้าขั้น "เทคโนโลยีชาร์จเร็ว" ต่างจากมือถือคู่แข่งอย่าง Samsung Galaxy S8 ที่รองรับฟีเจอร์ชาร์จเร็วแบบไร้สายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า แท่นชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi แบบทั่ว ๆ ไป อาจใช้งานร่วมกับ iPhone 8 ไม่ได้ด้วย หากแท่นชาร์จเหล่านั้นไม่ได้มาพร้อมกับมาตรฐาน MFi ซึ่งเป็นนโยบายจาก Apple ด้านรองรับอุปกรณ์เสริมที่สามารถใช้งานร่วมกับ iPhone, iPod และ iPad ได้โดยตรงนั่นเอง
6. iPhone 8 มาพร้อมชิปเซ็ต Apple A11 และ RAM 4 GB
ในด้านฮาร์ดแวร์นั้น คาดว่า iPhone 8 จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A11 ที่เร็วและแรงกว่า iPhone 7 ส่วนหน่วยความจำ RAM อยู่ที่ 4 GB อัปเกรดจาก iPhone 7 Plus ซึ่งถ้าหากมองตัวเลขของ RAM แล้ว แม้จะดูน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ มือถือ Android รุ่นเรือธงบางรุ่น ที่มาพร้อมกับ RAM 6-8 GB กันไปแล้ว แต่สำหรับระบบ iOS นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ RAM มากขนาดนั้นเนื่องจากตัวระบบไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรเท่าใดนัก
7. พอร์ตการเชื่อมต่อยังคงเป็น Lightning ไม่ใช่ USB-C และตัดช่องหูฟังออก
ปัจจุบัน มือถือเรือธง ส่วนใหญ่ มีการเปลี่ยนพอร์ตการเชื่อมต่อจาก microUSB เป็น USB-C แล้ว แต่สำหรับ iPhone 8 นั้น ยังคาดว่า น่าจะยังเป็นพอร์ต Lightning เหมือนเดิม แม้ว่าผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ๆ อย่าง MacBook Pro จะเปลี่ยนไปใช้พอร์ต USB-C แล้วก็ตาม เช่นเดียวกับ ช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ก็ถูกตัดออกเช่นเดียวกับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่สามารถฟังเพลงผ่านหูฟังแบบ Bluetooth หรือใช้ตัวแปลงพอร์ตหูฟังแทน
8. iPhone 8 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดความจุมากขึ้น ใช้งานได้นานขึ้น
ไม่ว่าจะเปิดตัว iPhone มากี่รุ่น สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้อยากให้ Apple ปรับปรุงมากที่สุด นั่นก็คือ แบตเตอรี่ เพราะ iPhone ความจุแบตเตอรี่ค่อนข้างน้อย ทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ มักจะเจอกับปัญหาแบตเตอรี่หมดเร็ว และใช้งานได้ไม่เต็มวัน ซึ่ง iPhone 8 อาจจะมีการปรับเมนบอร์ดภายในใหม่ โดยปรับให้เมนบอร์ดมีขนาดที่เล็กลง เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้กับแบตเตอรี่ สามารถใส่ความจุได้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้ คาดกันว่า แบตเตอรี่บน iPhone 8 จะมีลักษณะเป็นรูปตัว L มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น
9. iPhone 7S และ iPhone 7S Plus จะถูกแทนที่ด้วยชื่อ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus พร้อมรุ่นพิเศษ iPhone X
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวออกมาว่า iPhone ที่เปิดตัวในปีนี้ จะไม่ได้ใช้ชื่อว่า iPhone 7S และ iPhone 7S Plus แต่จะใช้ชื่อว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus แทน ส่วนรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 10 ปีการเปิดตัว iPhone ที่ก่อนหน้านั้น มีข่าวว่า จะใช้ชื่อ iPhone 8 จะเปลี่ยนไปใช้ชื่อว่า iPhone X ซึ่งตัวอักษร X ในภาษาโรมันนั้น หมายถึง เลข 10 นั่นเอง อย่างไรก็ดี ข้อมูลนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ซึ่งในวันที่ 12 กันยายนนี้ ปริศนาดังกล่าวจะเฉลยแล้วว่า ในปีนี้ iPhone จะเปิดตัวถึง 3 รุ่น ตามข่าวลือจริงหรือไม่
10. สรุปราคา iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X จะอยู่ที่เท่าใด
หลังจากที่ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์คนดังจาก KGI Securities เคยเผยว่า iPhone 8 รุ่น 64 GB จะมีราคาเริ่มต้นสูงถึง $999 หรือราว ๆ 35,000 บาท อีกทั้งสื่อใหญ่อย่าง New York Times ก็ยังยืนยันตรงกัน ด้าน Benjamin Geskin ผู้ซึ่งเคยทำภาพเรนเดอร์ของ iPhone 8 รวมถึงปล่อยข้อมูลใหม่ ๆ มาแล้วหลายครั้ง ก็ให้ข้อมูลในทิศทางเดียวกัน โดยเผยว่า iPhone 8 รุ่นธรรมดา หน่วยความจำ 64 GB จะมีราคาเริ่มต้นที่ $999 หรือราว ๆ 35,000 บาท ส่วนรุ่น 256 GB จะเริ่มที่ $1,099 หรือราว ๆ 38,500 บาท และรุ่นท็อปสุด 512 GB อาจสูงถึง $1,199 หรือราว ๆ 41,900 บาทเลยทีเดียว
โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคา iPhone 8 ถีบตัวสูงขึ้น คาดว่าจะเป็นหน้าจอ OLED ซึ่งมีต้นทุนประมาณชิ้นละ $70 (2,450 บาท) อ้างอิงจากราคาที่ Apple ซื้อจาก Samsung ในขณะที่หน้าจอ IPS ของ iPhone 7 นั้นตกชิ้นละ $40 (1,400 บาท) เท่านั้น
สำหรับงานเปิดตัวในวันที่ 12 กันยายนนี้ นอกจากจะเปิดตัว iPhone 8, iPhone 7S และ iPhone 7S Plus แล้ว คาดว่า จะเปิดตัว Apple TV 4K และ Apple Watch 3 LTE อีกด้วย
Credit : techmoblog.com
------------------------------------------------------------------
ที่ตั้ง : บริษัท คอมพิวเตอร์ครบวงจร จำกัด
423 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 40 แยก7 บางพลัด บางยี่ขัน
กรุงเทพมหานคร 10700
ติดต่อ : 089-711-8558
แฟกซ์ : 02-883-3243
Email : lasuprint.shop@gmail.com
Line ID : 0897118558
11 พฤษภาคม 2561
ผู้ชม 2598 ครั้ง
More.